“กล่อง” (2541)
ผมไม่สนว่าใครจะมองหนังเรื่องนี้ว่าอย่างไร ผมไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วรายได้ของมันน่าพอใจหรือไม่ ผมรู้แค่ว่าผมชอบหนังเรื่องนี้ มันคือหนึ่งในหนังไทยสุดรักตลอดกาลของผม(เคียงข้าง “บุญชู ภาค 1-8″/”พระเจ้าช้างเผือก”/”แฟนฉัน”/”เมืองในหมอก”)ถึงแม้ว่าทุกๆครั้งที่ผมได้ดูหนังเรื่องนี้จะเป็นการชมผ่านการรีรันในทีวีทั้งสามรอบก็ตาม (ช่อง 7/ช่อง 9 และ 3BB IPTV อย่างละรอบ) แต่ผมก็ยังยืนยันได้เหมือนเดิมว่าผมมีเหตุผลที่ผมจะชอบมัน
หนังเล่าเรื่องของ”จืด”ชายหนุ่มผู้อยากเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง เขาต้องอยู่กับผู้คนแปลกๆมากมายในอพาร์ทเมนท์ทั้งเมียที่จู้จี้ขี้บ่น เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่ชอบมาทวงค่าเช่า คนแขกที่ชอบมาทวงเงิน นักมวยที่แพ้ทุกครั้งที่ขึ้นชก วินมอเตอร์ไซค์ที่หื่นและชอบแกล้งคน ฯลฯ ชีวิตของเขาตั้งอยู่บนพื้นฐานของความล้มเหลวทั้งปวง เขาโดนตำรวจไถเงิน เขาโดนคนอื่นกลั่นแกล้ง โดนเมียดาสารพัดทุกวันจนวันหนึ่งเขาทนไม่ไหว ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย…แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สำเร็จซักวิธี วันหนึ่งเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการไปโดดสะพานแขวน แต่จืดกลับขึ้นรถเมล์ไม่ทันซะอย่างนั้น เขาจึงได้พบกับชายลึกลับคนหนึ่งที่(น่าจะ)เสียใชีวิตแล้ว ในมือของเขามีกล่องลึกลับใบหนึ่งที่ส่งเสียงได้และมีไฟวูบวาบ เขาจึงตัดสินใจนำมันมา โดยในช่วงแรกเมียของจืดสั่งให้จืดนำกล่องไปทำลายเสียเพราะเจอข่าวในหนังสือพิมพ์ว่ามีพ่อค้าเฮโรอีนตายที่ป้ายรถเมล์และกลัวว่าในกล่องนั้นจะมีเฮโรอีน ต่อมาเมื่อทราบว่าป้ายรถเมล์ที่ว่านั้นอยู่คนละแห่งจึงสั่งให้จืดไปเอากล่องกลับมาอีกครั้ง ทว่าจืดได้รับการต้อนรับจากทุกๆคนที่เคยเป็นศัตรูกับจืดมาก่อนหน้าเพียงเพราะได้ยินข่าวลือว่าในกล่องนั้นมีเงิน ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครเปิดกล่องนั้นได้ แต่เพลงที่จืดเคยไปเสนอไว้กับค่ายเพลงกลับเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้บริหาร ทำให้จืดและเมียของเขากำลังจะได้ทั้งเงินและชื่อเสียงในอนาคต…จุดนี้เองที่จืดตัดสินใจจะนำกล่องไปทิ้งเพราะถึงตอนนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือชีวิตที่เป็นอยู่ ทุกคนรักเขาเพราะเป็นเขา…ไม่ใช่ของในกล่องนั่น เช้าวันถัดมาจืดและเมียจึงนำกล่องไปทิ้งที่สะพานแขวน แต่ภาพที่ทั้งคู่เห็นในตอนท้ายสุดนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
หนังมีความ Absurd สูงมาก สังเกตได้จากลักษณะตัวละครที่แปลกสุดขั้วรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆเช่นในตอนที่จืดไล่ตามรถขยะเขาต้องพบกับรถขยะจำนวนมากที่วิ่งบนถนนเดียวกัน หรือตอนที่จืดไปคุ้ยหากล่องในลานทิ้งขยะเขาได้พบกับชายคนหนึ่งที่นั่งกางร่มกลางกองขยะ เขาใช้”ไม้วิเศษ”หากล่องของจืดจนพบ…นอกจากนี้ยังมีความเป็น Black Comedy อีกด้วยเพราะในขณะที่ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น ภาพจะตัดสลับกับการแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของจืดบนเวทีที่มีผู้ชมเป็นตัวละครอื่นๆในเรื่อง บ่อยครั้งที่เสียงหัวเราะในความโชคร้ายของจืดจะปรากฏพร้อมกับภาพของจืดที่ถูกคนอื่นแกล้ง ด่า ไถ นานาสารพัดจนผมสงสัยว่าจืดมีน้ำอดน้ำทนขนาดนี้เชียวหรือ?
โน้ต อุดมทำให้ผมเชื่อว่าจืดเป็นชายโชคร้ายที่น่าสงสารและมีอะไรๆให้เราติดตามได้ตลอดเรื่อง ขณะที่ลูกเกด เมทินีทำให้ผมได้รู้ว่าเมียในแบบที่โหดสุดขั้วนั้นเป็นอย่างไร…ส่วนตัวละครอื่นๆก็แสดงออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ เมื่อรวมกับการตัดต่อและพล็อตที่หาชมไม่ค่อยได้ในหนังไทยก็ทำให้ผมชื่นชอบหนังเรื่องนี้ทันที
ผมเชื่อว่าถ้าหนังเอามาฉายในพ.ศ.นี้ หนังน่าจะทำเงินได้มากกว่าเมื่อ 14 ปีที่แล้วเป็นแน่เพราะอย่างน้อยนักดูหนังในปัจจุบันน่าจะเดาได้ไม่ยากว่าทำไมฉากจบของหนังถึงเป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่ผมคาใจมากที่สุดคือเมื่อไหร่ผมจะได้เห็นมันวางขายเป็นดีวีดีแบบสมศักดิ์ศรีเสียที เพราะถึงแม้มันอาจเป็นผลงานของท่านมุ้ยที่คนเกลียดกันมากที่สุด แต่กับคนอย่างผมที่ชอบหนังเรื่องนี้ล่ะ? ผมต้องรอดูในทีวีทุกครั้งเลยหรือเปล่า? แล้วถ้าคนในยุคหลังอยากหาหนังเรื่องนี้มาดู/ศึกษาล่ะ?
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ไอ้จืดพูดไว้ท้ายเรื่องอย่าง”สิ่งที่มีค่าที่สุด ก็คือสิ่งที่อยู่กับเราในปัจจุบัน”มันอาจจริงก็ได้ แต่ในกรณีอย่าง”กล่อง”หนังแปลกที่หาชมได้ยากในปัจจุบันไปเสียแล้ว คงไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้ดีไปกว่าทางพร้อมมิตรโปรดักชั่นและทางสหมงคลเองว่าจะให้หนังบ้าๆเรื่องหนึ่งที่คนด่ากันทั้งเมืองเมื่อเข้าฉาย แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัวได้รับการจัดจำหน่ายอีกครั้งหรือไม่?
…หวังว่าผมคงไม่ต้องทนรอถึงขั้นมีสภาพชีวิตที่ถูกคนกดขี่ย่ำยีก่อนนะ เพราะถึงตอนนั้นผมอาจเจอ”กล่อง”ในแบบที่ตรงกับชีวิตความเป็นจริงแล้วก็ได้ ใครจะรู้
คะแนน: 5/5
—————————————-
(หมายเหตุ: พิมพ์ครั้งแรกในกรุ๊ป AllFilmLovers 18 มิ.ย. 2555)