“ฮอกไกโด: สังคม ผู้คน ความเป็นไป และอะไรทำนองนั้นแหละ”
โดย ผมเอง
.
.
.
.
.
ในที่สุดก็กลับมาอีกครั้งสำหรับเทศกาลท่องเที่ยวญี่ปุ่นประจำปีของครอบครัวเรา ปีนี้ผมกับพ่อตัดสินใจไปเที่ยวเกาะฮอกไกโดอันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในญี่ปุ่น โดยส่วนตัวแล้วผมได้ยินชื่อเกาะนี้เป็นครั้งแรกจากรายการทีวีแชมเปี้ยนตอน”สุดยอดผู้ช่ำชองฮอกไกโด”(หรืออะไรทำนองนั้น) แต่ก็ยังไม่เคยคิดจะขวนขวายหาอะไรเพิ่มเติมเลยจนถึงวันที่ผมต้องออกเดินทาง
จนในที่สุดผมก็ได้ออกเดินทางในคืนวันที่ 16 และถึงตัวเมืองในวันที่ 17…แล้วก็กลับถึงกรุงเทพในวันที่ 21 พฤษภาคม สำหรับท่านที่คาดหวังว่าจะได้อ่านข้อมูลนำเที่ยวแต่ละสถานที่แบบเจาะลึก พร้อมข้อมูลบรรยายอย่างดีในบทความนี้ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยเพราะผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คุณสามารถหาอ่านที่ไหนก็ได้ มีคนตั้งมากมายที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าผม แล้วถ้างั้นผมมาเขียนอะไรที่นี่? ผมจะมาเขียนถึงสิ่งต่างๆที่ผมสังเกตเห็นในฮอกไกโดและที่อื่นๆอันเกี่ยวข้อง ผ่านทรรศนคติของผมเอง เพราะผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้น่าสนใจและควรค่าแก่การศึกษาวิเคราะห์มากๆถึงแม้มันจะเป็นมุมมองจากการที่ผมไปกับบริษัททัวร์ ไม่ใช่ไปกันเองก็ตาม
.
.
– บุหรี่
อันที่จริงมันเป็นสิ่งที่ผมเห็นตั้งแต่อยู่สนามบินแล้ว ผมปวดใจทุกครั้งที่เห็นสาวญี่ปุ่นหน้าตาดีเดินพาเหรดเข้าไปในห้องสูบบุหรี่ที่จุคนได้ประมาณ 8 คนจนเผลอๆผมว่าน่าจะเกิน 8 แล้วล่ะ คือผมไม่ได้มีปัญหาอะไรหากคุณผู้หญิงจะสูบบุหรี่…เพียงแต่ว่าผมไม่พึงปราถนาในกลิ่นควันแค่นั้นเอง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือผมคาใจมานานแล้วว่าทำไมในประเทศที่มีอากาศหนาวผู้คนทั่วไปทั้งชาย หญิงจะนิยมสูบบุหรี่เป็นอย่างมาก? การสูบบุหรี่มันช่วยคลายหนาวได้จริงหรือ? ใครที่ทราบคำตอบช่วยบอกผมด้วยนะครับ
.
.
– อากาศ
วันแรกที่เราไปถึงนั้นมีหิมะตกในช่วงเย็นด้วย ขณะที่วันสุดท้ายนั้นมีอากาศที่อุ่นขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่แน่ใจว่าทำไมสภาพอากาศมันแปลกๆเช่นนี้ แต่ไกด์ได้เตือนพวกเราได้ว่าพยากรณ์อากาศล่วงหน้านั้นเราต้องดูวันต่อวันเท่านั้น เพราะช่วงนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเยอะเหมือนกัน
.
.
– สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่นั้น หากไม่นับตัวเมืองแล้วจะให้บรรยากาศชนบทอันร่มรื่นน่าอยู่ ใครที่นึกภาพไม่ออกแนะนำให้ลองหาเพลง “หมู่บ้านในนิทาน” ของเรวัต พุทธินันทน์มาฟังดูนะครับ สิ่งที่พรรณาในเนื้อเพลงนั้นใกล้เคียงกับตัวชนบทของฮอกไกโดมากๆ เพราะจุดขายของเมืองไม่ใช่ความทันสมัยหรือสินค้าแบรนด์เนม แต่เป็นวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและสงบเงียบมากจนชวนให้เราสงสัยว่า “เราออกมาสัมผัสธรรมชาติที่อยู่นอกเหนือโลกดิจิตอลเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวคือไม่ใช่แค่ว่าให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในสถานที่ตัวเองแล้วให้จบๆไป มันมีความน่าสนใจตั้งแต่ประวัติความเป็นมาไปจนถึงการสร้างแมสคอตประจำสถานที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นเตือนให้นักท่องเที่ยวระลึกถึงสถานที่เหล่านั้นเสมอ นอกจากนี้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการก็มีปฏิสัมพันธ์ดีมาก ขนาดบางแห่งเป็นแค่ร้านอาหารเจ้าของพร้อมพนักงานยังออกมายืนโค้งอำลาจนถึง ลานจอดรถเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้เราประทับใจในอัธยาศัยของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจนอยากจะ กลับมาเยี่ยมอีก
อ้อ! สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งมีการลงทุนสร้างซุ้มถ่ายรูปรวมถึงตกแต่งบรรยากาศภายในอย่างเต็มที่เพื่อให้คนถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปเพื่อให้เกิดการรับรู้ (Awareness) ในวงกว้าง ทำให้สถานที่ดังกล่าวดังขี้นอีก โดยสถานที่น่าสนใจในแง่ของการสร้างจุดขายคือ”โดเรม่อนสกายพาร์ค”ที่ตั้งอยู่ตรงสนามบินเลย รวมถึงมีการใช้ตัวการ์ตูนโดเรม่อนดึงดูดชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวชาวไทยได้ดี ซึ่งถึงแม้โดเรม่อนจะยังไม่สามารถทำตลาดในฝั่งตะวันตกได้ แต่ชาวเอเชียอย่างเราๆต่างรู้จักและรักในแบรนด์ Doraemon มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงมีโอกาสสร้างรายได้มากพอสมควร และอีกสถานที่ที่ผมขอพูดถึงคือ”โรงงานช็อคโกแล็ตอิชิยะ”ซึ่งใหญ่และหรูหรามาก มีการตั้งรูปปั้น/ตุ๊กตามากมายนอกตัวพิพิธภัณฑ์ (มีหุ่นออกมาเต้นพร้อมดนตรีประกอบทุกต้นชั่วโมง) ด้านในมีการตกแต่งอย่างดีรวมถึงจัดแสดงกรรมวิธีผลิตช็อคโกแลต/คอลเล็กชั่น แผ่นเสียงของตัวเจ้าของโรงงาน/คอลเล็กชั่นของเล่น ฯลฯ ซึ่งถึงแม้มันจะจับฉ่ายไปหน่อยแต่มันสร้างความน่าประทับใจแก่นักท่องเที่ยวได้ดีมากๆ
.
.
– ป้ายไทยก้าวไกลทั่วโลก
อีกสิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับร้านค้าญี่ปุ่นคือหลายๆร้านเลยจะมีการตั้งป้ายและแผ่น พับที่มีข้อความภาษาไทยไว้ด้วย แสดงให้เห็นถึงปริมาณนักท่องเที่ยวไทยที่หลั่งไหลมาที่นี่รวมถึงความกะตือ รือร้นในการปรับตัวของทางร้านที่มีเพื่อการแข่งขันทางการค้า ซึ่งผมไม่แน่ใจนะครับว่าทางบ้านเราเริ่มใช้กลยุทธนี้กับนักท่องเที่ยวจีนและ ชาติอื่นๆในบ้านเราหรือยัง?
อย่างไรก็ตามผมสังเกตว่าฟอนท์ในป้ายและแผ่นพับยังเป็นฟอนท์มาตรฐานธรรมดาๆอยู่ ผมขอแนะนำให้ทางร้านดังกล่าวไปโหลดฟ้อนท์สวยๆมาใช้ซะ เพื่อที่มวลมหานักช็อปทั้งหลายจะได้หลงรักร้านคุณอย่างหัวปักหัวปำต่อไปรวมถึงอัพเกรดภาพลักษณ์ร้านคุณในสายตานักช็อปไปในตัว
.
.
– ประหยัดเพื่อชาติ
สิ่ง หนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นคือข้อมูลที่ว่าคนญี่ปุ่นจะยอมทำตามคำเชิญ ชวนของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของชาติ ดังเช่นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ทางการได้ขอร้องให้ประชาชนเปิดแอร์ 28 องศาเซลเซียส (เดิม 25 องศา) เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังร่วมใจกันลดรายจ่ายท่ามกลางปัญหาการขึ้นอัตราภาษี VAT….นอกจากนี้ในอดีตทางการยังได้เชิญชวนให้ประชาชนปรับตัวในช่วงน่าร้อน เพื่อลดการใช้พลังงานโดยการให้ผู้ชายใส่เสื้อแขนสั้นไปทำงานและให้ผู้หญิงตัดผมสั้น ผลปรากฏว่าคนญี่ปุ่นทั้งหมดทำตามทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความรักชาติของคนญี่ปุ่นในทางที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม บางมีคำว่า”ชาตินิยม”ก็ไม่ได้เลวร้ายดังที่หลายๆคนเข้าใจ อย่างน้อยก็สิ่งที่เป็นไป ณ ที่นี่
.
.
– “ด้านมืด”
ถึงแม้ฮอกไกโดจะเป็นเมืองที่น่าอยู่มากๆ แต่ผมสังเกตว่าเราจะไม่สามารถเปิดหน้าต่างในโรงแรมได้รวมถึงมีตะแกรงกั้นช่องว่างระหว่างชั้นบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมันสืบเนื่องมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมาก ผมสงสัยนะว่ามันเป็นไปได้อย่างไร? มันเกิดจากสภาวะการแข่งขันในที่ทำงาน? มันเกิดจากสภาพครอบครัวในญี่ปุ่นที่ผู้ชายต้องไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวขณะที่ผู้หญิงต้องอยู่บ้าน? มันเกิดจากอะไรแน่? เพราะญี่ปุ่นในความคิดหลายๆคนคือผู้คนส่วนใหญ่มีอัธยาศัยดียิ้มแย้ม มีสิ่งบันเทิงและแสงสีมากมายในเมือง….แต่ในทางกลับกันที่นี่ก็เต็มไปด้วย ผู้คนที่กำลังเจ็บป่วยทางจิตจำนวนไม่น้อย ผมไม่ได้บอกว่าพวกเขาเป็นโรคจิตหรือเป็นบ้า แต่ผมคิดว่าพวกเขาอาจมีทัศนคติในชีวิตที่แตกต่างจากคนไทยรวมถึงอาจต้องการคำ ปรึกษาหรือกำลังใจจากคนรอบข้างพอสมควรเลยล่ะ
.
.
– โทรทัศน์ญี่ปุ่น
อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าทีวีของญี่ปุ่นนั้นจะเป็นช่องของแต่ละท้องที่ในตัวเมือง(ยกเว้น NHK G กับ NHK E ที่ออกอากาศทั่วประเทศเพราะเป็นช่องของทางการ) ซึ่งออกอากาศในระบบดิจิตอล และเนื่องจากว่าผมไม่ค่อยได้มีเวลาดูทีวีมากนัก จึงมีแค่สองสิ่งเท่านั้นที่ผมจะจดจ่อรอดูคือการถ่ายทอดสดเบสบอล (เพราะเป็นรายการที่ผมสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องงงกับความหมายของภาษาญี ปุ่น) กับโฆษณาเท่าที่สังเกตนั้นโฆษณาญี่ปุ่นจะยังไม่มีการเดินเรื่องอันดุเดือด เร้าใจแบบโฆษณาไทยมากนัก แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆเกี่ยวกับโฆษณาที่นี่คือมุมกล้องและการถ่ายทำที่สวยมากๆ
.
.
– ส้วมรายทาง
เนื่องจากฮอกไกโดเป็นเมืองที่มีถนนออกนอกเมืองคล้ายมอเตอร์เวย์ สิ่งหนึ่งที่จำเป้นสำหรับการท่องเที่ยวทางไกลคือส้วมข้างทาง สิ่งที่ผมสังเกตคือถ้าหากเป็นท้องที่อื่นมันจะเป็นส้วมบวกร้านขายของต่างๆ (มักเป็นของกิน/เครื่องดื่ม) แต่ที่นี่มันมีส้วมอย่างเดียวเลย ผมสงสัยในกิจวัตรประจำวันของคนดูแลส้วมมากๆว่าวันๆพวกเขา/เธอทำอะไร สิ่งเดียวที่ผมเห็นคือพอเธอหมดกะปุ๊ปเธอจะเดินไปขับรถกลับที่พักทันที แต่หลังจากนั้นผมไม่ทราบนะครับว่าเธอพักที่ไหนและมีคนอยู่กะกลางคืนหรือไม่? อย่างไร?
.
.
– ร้านซีดี
ผมสังเกตว่าคนญี่ปุ่นยังคงใช้บริการร้านซีดีกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งและขนาดของร้านนั้นใหญ่มากเมื่อเทียบกับร้านซีดีหลายแห่งในบ้านเรา สะท้อนให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นยังคงอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์กันอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากคือการจัดโปรโมชั่นลดราคาซีดีเหลืแผ่นละ 1000 เยนแถมยังเป็นแผ่นนำเข้าอีกต่างหากซึ่งถือว่าถูกมาก ผมก็เลยอยากจะฝากไปยังผู้ประกอบการและเจ้าของค่ายเพลงในบ้านเราว่าที่ทุกวันนี้บ้านเรามียอดโหลดเถื่อนสูงนั้นส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับราคาซีดีหรือไม่?
.
.
– ขยะ
สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่หลายๆคนประทับใจก็คือความสะอาดและเป็นระเบียบของตัวเมือง เราสามารถเดินบนทางเท้าได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องหลบหลีกกองทัพรถเข็นและแผง ลอยรวมถึงปริมาณขยะริมทางที่น้อยมากทั้งๆที่ผมเห็นคนเดินไปมาตั้งเยอะ ผมเชื่อว่าหากเราทราบวิธีที่แท้จริงที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นมีระเบียบวินัยดีเช่นนี้ก็น่าจะลองนำมาประยุกต์ใช้กับบ้านเราดูนะครับ
.
.
สิ่งที่ผมได้จากทริปนี้นอกจากการที่ผมได้เห็นสภาพบ้านเมืองอันเงียบสงบและวิถีชีวิตบางประการแล้ว ผมได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างอันเนื่องมาจากอะไรๆที่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ เช้าวันนั้นหลายๆคนดูจะกังวลกับสถานการณ์ในบ้านเรามากจนผมไม่แน่ใจว่ามัน ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของเขาหรือเธอด้วยหรือไม่?
ผมไม่ได้บอกว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้คือการหนีปัญหา แต่ผมมองว่ามันคือการที่เราไปหาความสุขและแรงบันดางใจในการใช้ชีวิตก่อนที่ เราจะต้องกลับมาต่อสู้กับปัญหาต่างๆทั้งปัญหาจากการงาน ปัญหาหารเมืองและอื่นๆ ฉะนั้นถ้าเกิดว่าข่าวสารเหล่านี้ถ้าเรารับรู้แล้วมันทำให้การเดินทางเราไม่ ได้อรรถรสเต็มที่…ก็อย่าไปรับรู้มันดีกว่า
เพราะบางทีการเดินทางไม่ได้ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทาง แต่มันขึ้นอยู่กับความเป็นไประหว่างทางด้วย
(ตีพิมพ์ครั้งแรกในเฟสบุ๊คส่วนตัว 21 พ.ค. 2557)