วิจารณ์ American Sniper (2014)
(ตีพิมพ์ครั้งแรกในเฟสบุ๊ค 24 ก.พ. 2558)
———————————————
นี่คือหนังที่มีกระแสมากที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบปีที่ผ่านมา หลายคนบอกว่าชอบ หลายคนบอกไม่ชอบ และบางคนบอกว่ามันสมควรได้รับรางวัลออสการ์ในปีนี้?
จริงหรือเปล่า?
ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการทำหนังสไตล์ America Fuck Yeah! หลายเรื่องเลยที่ทำออกมาในโทนนี้และถึงแม้จะโคตรเวอร์และเนื้อในไม่มีอะไรเลย แต่ผมชอบเช่น Invasion USA, The Delta Force หรือ Strike Commando เพราะมันยังมีจุดขายในเรื่องความบันเทิง แต่กับเรื่องนี้ผมว่าหนังมันครึ่งๆกลางๆ คือโอเคมันเป็นหนังที่เชิดชูความสำคัญของทหารในแนวหน้า แต่การนำเสนอมันกำกวมระหว่างการฉายภาพพระเอกของเราที่เท่มาก ซุ่มยิงผู้ก่อการร้ายตายไปไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย (โดยเฉพาะฉากยิงระยะไกลสุดลูกหูกตา ผมรู้สึกว่าช็อตนั้นมันเหมือนหนังแนว AFY ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาเลยทั้งๆที่โทนหนังมันดูซีเรียส) กับการแสดงให้เห็นถึงภาพลบของสงครามที่ถ้าเอาจริงๆ มันง่ายมากเลยที่คุณจะใช้โอกาสนี้กัดบุช แต่หนังไม่ทำ ซึ่งก็เข้าใจว่ามันเป็นเพราะตัวหนังที่มีคุณสมบัติดังที่ได้กล่าวไปแล้วและหนังพยายามบอกเราว่าบุคคลเหล่านี้เขายอมเสียสละเพื่อปกป้องชาติ (ทั้งๆที่จริงๆเขาอาจแอบเจ็บใจใครก็ไม่รู้ที่ส่งเขามาอยู่ในสภาวะแบบนี้ก็ได้ ใครจะรู้?) คือไม่ได้บอกนะครับว่าในชีวิตจริงจะไม่มีทหารในลักษณะนี้ แต่การเล่าเรื่องที่ออกมามันดูแล้วรู้สึกว่าน่าจะพัฒนามิติตัวละครได้มากกว่านี้
ยังไม่ต้องลงลึกเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ผมรู้สึกว่าการนำเสนอมันครึ่งๆกลางๆไปหน่อย ฉากรบถึงแม้จะดูตึงเครียดแต่โดยหลักแล้วก็คือฉากโชว์พาวพระเอก ส่วนฉากที่ทำให้ผมเริ่มมองว่าหนังมันมีอะไรซักอย่างที่ไม่พึงประสงค์แล้ว…คือฉากการซ้อมยิงในค่ายทหารที่ตัดสลับกับฉากสนทนาระหว่างพระเอกกับเมีย คือไม่รู้จะตัดสลับไปทำไม ซักพักตัดมาซ้อมรบอีก ซักพักตัดมาที่พระเอกดูเหตุการณ์ถ่ายทอด 9/11 แล้วก็ตัดมาซ้อมรบ ตอนแรกคิดว่าพระเอกจะยิงแม่นและแรงขึ้นหลังจากได้ชมเหตุการณ์สยดสยองไปแล้ว แต่เปล่า หนังไม่ได้เน้นตรงนั้น แล้วจะตัดสลับทำไม?
นอกจากนี้ช่วงกลางๆของหนังยังมีแพตเทิร์นหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลย คือหนังมันสลับไปมาระหว่างฉากการรบในอิรักกับฉากพระเอกคุยโทรศัพท์กับเมีย วนไปวนมาอย่างนี้จนพอคนดูจับทางได้ค่อยมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในพล็อต อ้อ ผมไม่ได้หวังจะดูฉากแอคชั่นระเบิดเผากระท่อมนะครับ แต่พอเจอแพทเทิร์นวนไปวนมาแบบนี้ก็แอบเบื่อนิดๆเหมือนกัน
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ผมขอพูดถึงเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือการตลาดครับ หนังเจาะกลุ่มผู้บริโภคได้ชัดเจนมากนั่นคือเหล่า American Conservative (เอาจริงๆก็คือคนส่วนใหญ่ที่เลือกบุชในตอนนั้นน่ะแหละ) เพราะโทนเรื่องโดยรวมที่เชิดชูวีรกรรมทหารและไม่มีการพาดพิงถึงประธานาธิบดีสุดฉาวคนนั้นเลย นอกจากนี้หนังยังมาถูกที่ ถูกเวลา คือมาในระยะที่โลกกำลังเผชิญกับภัยก่อการร้ายและโอบาม่าไม่ได้แสดงอาการอันใดที่น่าพอใจนัก (อย่างน้อยก็สำหรับคนกลุ่มนี้) ฉะนั้นหนังเรื่องดังกล่าวจึงทำให้ผู้ชมเกิดขวัญและกำลังใจในช่วงที่เรากำลังเจอวิกฤตต่างๆได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรายได้มันสูงขนาดนั้น
สรุป: ผมไม่ค่อยสบอารมณ์กับหนังเท่าไหร่ (ถ้าวัดตามระบบสามระดับคะแนนที่ผมทำอยู่ในเว็ป Geek Juice [Thumbs up/Thumbs down/Middle-finger up] ผมคงให้ Thumbs Down) แต่ในแง่การตลาดผมค่อนข้างประทับใจในเรื่องการเลือกกลุ่มคนดูเป้าหมายที่ชัดเจน