จนแล้วจนรอดผมก็ต้องเขียนรีวิวละครสุดฮิตแห่งปีให้จบจนได้ (แม้”แรงเงา”จะจบไปเป็นชาติแล้วก็ตาม) เพราะหลังจากที่ผมเบื่อๆเอียนๆจนเกือบจะเลิกเขียนแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ธ.ค.เปิดช่อง Play Channel เจอรายการ “Playment: จิกหน้าจอ” ซึ่งพิธีกรทั้งสองคน (ลืมบอก…หนึ่งในสองพิธีกรเป็นลูกกระจ๊อกของเจ๊ปริมในละครด้วย) วิจารณ์ละครได้ฮามากๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าผมเองก็ยังมีภาระในการรีวิวให้จบเช่นกัน จึงขอกลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้ง
โดยเนื้อหาจะครอบคลุมส่วนต่างๆดังนี้
– สื่อกับความรุนแรง
– พล็อตเรื่องในครึ่งหลัง
– วิจารณ์ตัวละคร
– วิจารณ์ต้นตอปรากฎการณ์ “วันแรงเงาแห่งชาติ”
– ไอเดีย DVD “แรงเงา Director’s Cut”
—————————————-
สื่อกับความรุนแรง
ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมาชั้นคลาสสิคของวงการสื่อทั่วโลกเลยก็ได้สำหรับประเด็นนี้ ล่าสุดแรงเงาก็ได้รับผลกระทบตรงนี้ไปเต็มๆ…โดยเริ่มจาก
– ถูกหน่วยงานหนึ่งร้องขอให้เลื่อนเวลาฉาย
ความจริงผมเคยโพสสเตตัสทีนึงไปแล้วนะครับว่ามันดูพิลึกสิ้นดีกับการขอแบบนี้ เพราะ
1) เรตติ้งน. 18 ก็ขึ้นอยู่ตรงมุมจอแล้ว ถ้าท่านยังจะเลื่อนเวลาฉายอีกงั้นเราจะมีระบบเรตติ้งทีวีไปทำไมล่ะครับ? รกจอเปล่าๆ
2) ถ้าเกิดเรามองว่าละครมันรุนแรงเกินไปกับเยาวชน คุณคิดว่าเราควรจะยกเลิกรายการมวยไทย 7 สีหรือรายการข่าวอาชญากรรมในทีวีหรือไม่? เพราะมันก็มีความรุนแรงทั้งคู่
3) ผมโตมากับสิ่งที่หลายๆคนในยุคนี้มองว่ารุนแรง (รวมถึงการ์ตูน Tom & Jerry) แต่ผมก็ยังไม่เคยเอาไม้ไปไล่ทุบใครแบบในการ์ตูนนะ ของแบบนี้มันขึ้นกับจริยธรรมแต่ละคนด้วย
4) สำหรับประเด็นปลูกฝังค่านิยมผิดๆเกี่ยวับเมียหลวง-เมียน้อย ผมมองตรงข้ามนะ เพราะละครมันสอนเราว่าเมียหลวงไม่จำเป็นต้องถูกร้อยเปอร์เซนต์ ตราบใดที่ยังเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและปกครองคนอื่นด้วยความกลัว นอกจากนี้มันมีข้อคิดเรื่องการจ้องจับผิดคนอื่นหรือปล่อยคลิปเพื่อความสะใจอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกแง่หนึ่งถึงละครที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง (ส่วนใหญ่จะโดนกระแสตบหน้ากองบดบังหมด)
– เด็กผูกคอตายตามละคร
นี่ก็อีกครับ เคสคลาสสิคที่เด็กเลียนแบบพฤติกรรมในละคร เห็นแล้วชวนให้นึกถึงเรื่องนึงในอังกฤษเมื่อเกือบ 30 ปีมาแล้วที่มีการกวาดล้างวีดีโอหนังที่มีฉากโหดหรือฉากอนาจารทางเพศ (เช่นหนังแนวมนุษย์กินคนหรือหนังเรื่องนึงที่มีนางเอกโดนข่มขืน 15 นาที) ที่เรียกกันว่า “Video Nasties” โดยเหตุผลที่กองเซ็นเซอร์ของอังกฤษขณะนั้นแจ้งคือป้องกันไม่ให้เด็กเห็นฉากรุนแรงในสื่อวีดีโอที่เริ่มจะเข้าถึงมากขึ้นในยุคนั้น ผลดีก็คือเด็กๆอาจไม่ต้องเห็นความรุนแรงจากสื่อ แต่กว่าที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะได้ดูหนังเหล่านี้แบบไม่โดนตัดก็เลยยุคมิลเลเนียมเข้าให้แล้ว (บางเรื่องแทบยังไม่มีโอกาสได้ดูจนถึงทุกวันนี้) และที่สำคัญอังกฤษในห้วงยุค 80’s นั้นมีการประท้วงอยู่เสมอๆ มีสงครามเกาะฟอล์คแลนด์ มีการก่อการร้ายที่นายกหญิงตอนนั้นอย่างมาร์กาเ็ร็ต แท็ตเชอร์แทบเอาชีวิตไม่รอด มีเหตุการณ์แฟนบอลแห่ไปดูบอลจนมีคนตายคาสนาม ฯลฯ ฉะนั้นเด็กก็อาจจะได้รับความรุนแรงจากสื่อทางใดทางหนึ่งอยู่ดี….แต่ไม่ได้บอกว่าเราไม่ควรทำอะไรกับสื่อนะ อะไรที่ลดได้ก็ลดๆหน่อย แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็มีอิทธิพลกับเด็กมากที่สุดในการชี้แนะน้องๆหนูๆให้ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง อย่างน้อยที่สุดก็แนะนำรายการทีวีตามเรตติ้งที่แปะไว้มุมจอ จะได้ไม่มีเด็กแขวนคอตายตามมุตตาอีก….โปรดระลึกถึงเพลง”วันเด็ก”ของคาราบาว(ในยุคที่ยังไม่มีคำว่า”แดง”ต่อท้ายชื่อวง) โดยเฉพาะท่อนที่ว่า
“อันว่าคําขวัญเท่าที่ฉันผ่านมา
เปรียบเหมือนตัวยาซีม่าโลชั่น
แต่สังคมวันนี้แย่ยิ่งกว่าสังคัง
เขียนให้เด็กได้ฟังมันก็ยังไม่พอ
พ่อกับแม่คือยา ปู่กะย่า ตายาย
และผู้หลักผู้ใหญ่ มีความหมายทุกคน
อย่าปล่อยเด็กเดินชนโดยตามลําพัง
เพราะสังคมสังคัง ยังไม่สมประกอบ”
-บทพูดและฉากที่ถูกตัด
ไปอ่านมาจากในเน็ต เจอว่า”แรงเงา”นั้นถูกเซ็นเซอร์เยอะมากทั้งบทพูดและฉากต่างๆ เช่นฉากตบหลวงหน้ากองที่ความจริงควรจะยาวกว่านี้รวมถึงบทพูดต่างๆ ต่อไปนี้คือตัวอย่างบทพูดที่โดนตัดไปซึ่งผมรวบรวมมมาจากเว็ป manager อีกที…
————————————
เจนภพลดมือลง น้ำแข็งร่วงกราวมาอีก เจนภพผลุบกลับเข้าห้องกินกาแฟกระแทกประตูปิดปัง กลุ่มปริมตาวาวรวมกลุ่มกันซุบซิบ แจงจิตยังคงอึ้ง
“ต๊าย ไอติมไข่แข็ง”
“นั่นไอติมถ้วยไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันไอติมแท่ง”
อรพิม แจงจิตมองหน้าซื่อของทิพอาภา
เจนภพเปิดประตูห้องนอนเข้ามา แล้วต้องสะดุ้งเมื่อเห็นนพนภายืนกอดอกอยู่
“ไปไหนมา”
“ไปไดรฟ์กอล์ฟ”
“กอล์ฟหลุมไหนล่ะ หลุมนังมุตตาหรือ”
เมื่อพิจารณาแบบเป็นกลางแล้ว บทพูดมันสองแง่สองง่ามจริงครับ แต่ในแง่ความสะใจของคนดูก็อาจต้องลดๆลงไปบ้างเพื่อเด็กและเยาวชนที่กำลังรับชม….ในทางกลับกันผมถือว่าเป็นเรื่องดีกับการขาย DVD/Blu-Ray ของละครเรื่องนี้นะ เพราะแผ่นผีจะสู้ไม่ได้เนื่องจากแผ่นผีที่อัดจากทีวีก็โดนดูดเสียง ขณะที่ Director’s Cut นี้จะมีฉากที่ถูกตัด มีคำด่าครบเซ็ต ซึ่งถือว่าน่าสนใจมากหากทางผู้จัดไม่ลบเทปมาสเตอร์ฉบับที่ก่อนยื่นให้กองเซ็นเซอร์พิจารณาเสียก่อน
———————————————
พล็อตเรื่องในครึ่งหลัง
นอกเหนือจากคำพูดของวีกิจกับมุนินทร์ที่เป็นที่กล่าวขวัญกันทุกอาทิตย์แล้ว ครึ่งหลังของละครเรื่องนี้ก็มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีปะปนกันไปอีกด้วย
– สิ่งดีๆ
พล็อตเรื่องปัญหาครอบครัวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจาก”ต้อง”ที่พ่อแม่ปล่อยปละละเลย ไม่มีเวลาให้กับลูกจนลูกต้องออกไปหา”เพื่อน”ด้วยตัวเองจนเกิดเรื่องราวเลวร้ายตามมา ในขณะที่”ต่อ”ก็มีอาการเบี่ยงเบนทางเพศเพราะถูกเลี้ยงดูมากับแม่มากเกินไป(?) ส่วนต้อมนี่เลวร้ายมากครับ เพราะเธอต้องทนเห็นหายนะทั้งหมดแม้ว่าอายุของเธอจะยังเป็นเลขหลักเดียวอยู่ก็ตาม
ผมชอบปัญหาครอบครัวใน”แรงเงา”เวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นก่อนๆนะ มันดูมีที่มาที่ไปดี ต่อเองก็ไม่ได้มีพิรุธออกนอกหน้าเหมือนแรงเงาเวอร์ชั่น 2001….เสียอย่างเดียวที่ทุกครั้งเวลา”ต้อง”เสียใจ ฟูมฟายหรือสับสนกับชีวิต ทำไมต้องเปิดเพลงละครเวอร์ชั่นที่แล้วด้วย? (ฟังไปฟังมาจนเหมือนเพลงประจำตัวเธอไปแล้ว…และมันจะเอียนนิดๆเวลามาดูย้อนหลังอีกที)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ตัวละครแทบทุกตัวมีด้านมืดของตัวเอง (แม้แต่”ประสิทธิ์ชัย”ที่ใครๆก็ไม่คิดว่าแกจะมีด้านมืด) แต่กระนั้นก็ตามยังมีตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นแสงสว่างในเรื่อง เธอสว่างและใจดีมากจนนำมาสู่หัวข้อต่อไปในที่สุด
– สิ่งที่ไม่ค่อยดี
เธอไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เธอคือแม่วีกิจนี่เอง….ข้อคิดคำคมตอนท้ายที่ถูกนำมาใส่เพื่อลบข้อครหาละครเกือบทั้งหมดจะมาจากบทพูดของแม่วีกิจที่จะพูดเรื่องการทำดี คุณธรรม และอื่นๆ ซึ่งถ้าให้ผมพูดตรงๆนะ…มันดีก็จริง แต่มันยัดเยียดมาก! คล้ายๆว่าใส่มาในละครเพื่อให้ละครดูเป็นละครน้ำดีมากขึ้น ซึ่งถ้าถามผมนะ การที่ทุกตัวละครในเรื่องมีด้านมืดก็ถือว่าละครเรื่องนี้รอดจากการเป็นละครน้ำเน่าแล้วล่ะ แต่การยัดเยียดอะไรแบบนี้บางทีก็มีผลลบคือคนดูรู้สึกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ใส่มาเพื่อลบคำสบประมาทของสังคมเป็นแน่….เพราะซีรีส์ฝรั่งที่ผมเคยดูอย่าง Miami Vice/M*A*S*H หรือ EastEnders นี่ก็ไม่พบการออกมายืนพูดข้อคิดใส่กล้องแต่อย่างใด อันที่จริงสิ่งเหล่านี้เรายังได้พบเห็นในซิตคอมไทยทั่วไป คือไม่ได้บอกว่าห้ามสอดแทรกสาระนะครับ แต่ผมคิดว่ามันก็น่าจะมีวิธีที่ทำให้แนบเนียนกว่านี้ได้บ้าง เพราะหลังๆมานี้เริ่มมีคนหมั่นไส้แม่วีกิจถึงขนาดเอา”อดีต”ของเธอมาลงให้ดูกันเลยทีเดียว อิอิ
(เชิญชมอดีตของแม่วีกิจได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=Cq-jrXga5sM )
——————————————–
ทีนี้ได้เวลามาวิจารณ์ตัวละครกันอีกแล้ว เริ่มด้วย
1) รัชนก
ตัวละครที่มีคนเกลียดมากที่สุดในสยามประเทศ ณ เวลานี้ จากบุคลิกสวย ใส เรียบร้อยแต่หลอกผู้ชายเป็นร้อยมาแล้วคือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายอย่างเราๆกลับมาระแวดระวังมากขึ้นในการจะจีบใครซักคน โอเค…ชีวิตจริงอาจไม่มีใครที่พรรณาถึงชีวิตยากจนในวัยเด็กให้คุณฟังทุกครั้งเพื่อหลอกให้คุณซื้อของให้เธอ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าที่เธออยากได้ของชิ้นนั้นชิ้นนี้น่ะ เธออยากได้จริงหรือเธอกำลังจะชักนำเราเข้าสู้เกมตัณหาของเธอแน่?
จะว่าไป เราลองมาดูกระแสของเพื่อนๆผมใน facebook ที่มีต่อเธอกันดีกว่า
——————————
คืนเสียตัว
รัชนก Greatest Hits ประจำวันที่ 30 ต.ค.
รวบรวมจากสเตตัสของเพื่อนฝูงทุกท่าน
“อีนกเสื้อจะถกถึงนมแบ้ววว…”
“ก่อนอีนกได้กับคุณสิทธิ์
นางก็เคยโดนอนันดา ซัดไปแล้วแต่เยาว์วัย
โถ…ฟ้าใสของกรู ”
(เป็นการ reference ถึงหนัง “อันดากับฟ้าใส”)
“หนูนกสะตอจุงเบยยยย สงสัยช๊อตตตต 5555555”
“รัชนก นังนกสองหัว นังนกสองผัว อุ๊บบบบ”
“แม่งโคดครอบครัว18มงกุฏ ไม่มีช้อตแน่นอน”
“นัยยะน้องนกเมื่อซักครู่นี้
ถือเป็นซิมโบลิกภาษาภาพยนตร์นะครับ
คือจะบอกว่า
ของคุณสิทธิ์แม่งเล็กเหมือนเข็ม
แทงแล้วเสียวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จบ.”
——————————-
นี่เองที่ทำให้หลายๆคนผิดหวังมากเมื่อพบว่าจุดจบของตัวละครนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เธอพบกับคุณประพงศ์ที่คาสิโนของครอบครัว เหมือนจะทิ้งท้ายให้คนดูคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ…ทั้งๆที่เราๆท่านๆก็อยากเห็นเธอโดนน้ำกรดสาดหน้าหรือโดนรุมโทรมกันทั้งนั้น แต่มองในแง่ดีก็คือมันไม่ต่างกับชีวิตจริงหรอกครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำให้ใครซักคนที่เราเกลียดมากๆโดนสาดน้ำกรด โดนรถชนหรือมีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน เขาหรือเธอคนนั้นอาจได้รับผลกรรมในไม่ช้าก็เร็ว หรืออย่างช้าก็คือได้รับผลกรรมในวันที่เราไม่ได้ใส่ใจใยดีกับคนที่ทำให้เราทุกข์ร้อนแล้วนั่นเอง ซึ่งก็คงไม่ต่างกับการที่หนูนกสองหัวยังไม่โดนอะไรมากไปกว่าถูกไล่ออกจากงาน โดนทิพย์อาภาตบและมาพบกับคุณประพงศ์ (ผู้ที่ทำให้”ต้อง” ท้อง)ในตอนท้ายเรื่อง
2) ประสิทธิ์ชัย
เป็นตัวละครที่ไม่มีใครคาดถึงเหมือนกันว่าจะมีด้านมืดในแง่ความเจ้าชู้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนในตอนแรกๆของละคร แต่มาปรากฏหลังจากที่รัชนกเห็นประสิทธิ์ชัยเดินคู่กับว่าที่คู่หมั้นของเขานั่นเอง ซึ่งจะว่าไปจุดนี้เองที่ทำให้แฟนๆละครบางส่วนเทคะแนนไปให้”นกสองหัว”มากขึ้นที่ออกมาบอกว่า “ผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไป” ซึ่งทำให้เธอดูเป็นคนดีขึ้นมาทันที (ก่อนจะกลับมาร้ายต่อในฉากถัดไป…ฮ่า)
และในเวอร์ชั่นนี้ประสิทธิ์ชัยหายสาบสูญไปเลยหลังจากที่เขารู้ตัวว่าถูกรัชนกหลอก ต่างกับเวอร์ชั่นก่อนที่มาโชว์ตัวในตอนสุดท้ายในฉากที่ผอ.แฉความลับของนกสองหัวในห้องทำงาน
3) ลูกศร
อีกหนึ่งตัวละครที่โดดเด่นในด้านการพูดข้อคิดสอนใจ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีด้านมืดเท่าไหร่รวมถึงองค์ประกอบที่ตัวละครที่ออกแนว “เพื่อนพระ-นาง” ตามแบบละครทั่วไป (นึกออกมั้ยครับ เพื่อนพระเอกก็จะหื่นๆพูดจากวนโอ๊ยหน่อย ส่วนเพื่อนนางเอกจะเนิร์ดๆทำอะไรเปิ่นๆและพูดให้กำลังใจคนได้เก่งมาก) ทั้งๆที่จริงๆเราก็อยากเห็นเธอมีบทบาทอะไรมากกว่านี้ถึงแม้ตัวละครในเรื่องจะเยอะอยู่แล้วก็ตาม
4) ต้อง
เป็นอีกตัวละครที่มีคนกล่าวถึงเป็นอย่างมากในแง่ของการที่เธอเป็น”สาวใจแตก” พี่ชาช่าเล่นได้ถึงอารมณ์ดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือเวลาที่”ต้อง”เครียด/เสียใจ/สับสนในชีวิต…เพลงละครเวอร์ชั่นก่อนจะโผล่มาให้ได้ยินทุกครั้งราวกับเป็น “ต้อง’s Theme” เลย ซึ่งมันดูดีและดูทะแม่งๆในเวลาเดียวกัน
แต่เอาเถอะ ถึงแม้ตอนแรกๆของละครคนดูอาจรู้สึกหมั่นไส้เธอเพราะเธอจะออกแนวแก่นแก้ว ทะเลาะกับพี่น้องได้เรื่อยๆ แต่หลังจากที่ปัญหาชีวิตของเธอค่อยๆเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น คนดูที่อาจไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอก็ต้องลุ้นให้เธอฝ่าวิกฤติไปให้ได้และอาจได้ความเกลียดชังในตัวผอ.หรือนพนภาเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง
5) ต่อ
ปิดท้ายด้วยตัวละครที่ผมขอนับถือความกล้าของคนที่มารับบทนี้จริงๆ (เพราะเขาจะต้องโดนล้อว่าเป็นเกย์ไปอีกพักใหญ่ๆ จนกว่าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน) ต่อเองไม่มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่าการที่เขาอยู่ข้างเดียวกับแม่….ส่งผลให้เขาเป็นคนที่อ่อนแอ (จริงเหรอ?) และเบี่ยงเบนทางเพศเพื่อหนีปัญหาในครอบครัว ถึงแม้ในท้ายที่สุดเราไม่มีโอกาสได้รู้แน่ชัดว่าความสัมพันธ์ของต่อกับ”พี่ก้อง”นั้นจะลงเอยเช่นไร
———————————-
วิจารณ์ต้นตอปรากฎการณ์ “วันแรงเงาแห่งชาติ”
คราวที่แล้วผมเขียนถึงอิทธิพลของ Social Media กับกระแสของละคร…แต่กระแสการแชร์/โพสต์สเตตัสมันมาจากไหนล่ะ? ทำไมมีคนยอมดูละครเรื่องนี้ตั้งแต่แรก? ผมลองสืบไล่ไปมาก็พบว่าเหตุผลเดียวที่มีน้ำหนักที่สุดคือ…
เมียหลวง=นพนภา=ธัญญ่าในชีวิตจริง!
บทบาทของเธอในฉากที่เธอกำลังจับได้ว่าสามีไปมีเมียน้อยนี่เองที่ทำให้คนเอา”นพนภา”ไปเทียบกับชีวิตจริงของคุณธัญญาเรศผู้รับบทนี้ ซึ่งมันก็คงคล้ายๆกับ “มารยาริศยา” ที่พิงกี้ไปคบชู้สู่ชายนั่นเอง (แต่ทำไมกระแสละครเรื่องนั้นแรงไม่เท่าเรื่องนี้นะ?)
และทันทีที่มีคนพูดถึงฉากตบกัน มีคนเทียบเหตุการณ์แบบนี้ผ่านสังคมออนไลน์ เหตุการณ์ลูกโซ่ก็เลยค่อยๆเกิดขึ้นเป็นกระแสจนกลายเป็น Talk Of The Town ไปเลย แต่ผมไม่แน่ใจนะว่ากระแสในต่างจังหวัดแรงไหมเพราะคู่แข่งของ”แรงเงา”ที่ฐานคนดูในเมืองแทบไม่เคยเปิดดูก็คือ “ป่านางเสือ 2” ทางช่อง7 ที่บางวันดูเหมือนจะมีเรตติ้งเหนือ”แรงเงา”เมื่อวัดจากแถบภูมิภาคเป็นหลัก ต่างจากเรตติ้งระดับเมืองหลวงที่”ป่านางเสือ 2″เทียบกันไม่ติดเลย
——————————
ไอเดีย DVD “แรงเงา Director’s Cut”
ผมเชื่อว่าในขั้นต้น กระแสของดีวีดีตัวนี้น่าจะมาแรงพอสมควรเนื่องจาก”แรงเงา”ฉบับออกอากาศจริงที่ถูกตัดภาพ-เสียงไปเยอะพอสมควร ดีวีดีในลักษณะนี้จึงน่าจะมีการวางขายออกมาเพื่อให้ผู้ชมได้อรรถรสความมันส์แบบเต็มรูปแบบ ต่อไปนี้คือไอเดียดีวีดีที่ผมลองคิดเล่นๆ
– Feature Presentation: ละคร “แรงเงา”
1) เป็นฉบับไม่ดูดเสียง/ตัดภาพออก
2) มี Commentary โดยคุณธัญญาเรศ/คุณรวิชญ์และคุณเจนนี่
3) มี Subtitle เล่าเกร็ดละคร
– Special Features
1) คลิปฉาวในละครแบบไม่ถูกตัด
จำคลิป “เริงสมุย”/”ตบน้อยหน้ากระทรวง” ในละครได้ไหมครับ? ผมว่าเขาน่าจะใส่คลิปพวกนี้แบบเต็มๆ จอใหญ่ๆมาให้ดูเลย (ที่เสนอมาไม่ใช่อะไรหรอก ผมอยากเห็นประสิทธิ์ชัยกระทำ S&M กับนกสองหัวแบบเต็มๆนั่นเอง มันสะใจดี 5555)
2) สกู๊ปข่าวต่างๆเกี่ยวกับละคร
3) คลิปล้อเลียนต่างๆที่มีคนทำขึ้นเกี่ยวกับละคร
4) ไฮไลท์จาก”แรงเงา”ทั้งสามเวอร์ชั่นที่มีการทำก่อนหน้านี้ (ถ้ากลัวเรื่องลิขสิทธิ์อณุโลมให้เหลือสอง เพราะทุกอันที่เป็นละครช่องสามถือลิขสิทธิ์หมด)
– ของแถม
1) Bra size 39 cup B (จากตอนแรกของละครที่นพบภาไปเจอบราของนางวิมาลาในโรงแรม)
2) พวงกุญแจ “มาช้าไปนิดนะคะ…คุณนายโบท็อกซ์”
3) สร้อยไข่มุกจำลอง
4) ไม้เบสบอล (จากตอนที่ไปทุบรถ)
5) ฯลฯ
——————
โอย…กว่าจะเขียนจบได้แทบขาดใจ หวังว่าคงจะเป็นที่สบอารมณ์ของผู้อ่านทุกท่าน
ขอขอบคุณที่ยังคงรออ่านกันอยู่นะครับ 🙂